ประเมินราคาโรงแรมหรือรีสอร์ท

การประเมินราคาโรงแรม ผู้ใช้บริการ ควรต้องทำความเข้าใจ ระหว่างการประเมินราคา ตัวอสังหาริมทรัพย์ร่วมกับทรัพย์สิน ที่ใช้ในการดำเนินกิจการ กับการประเมินราคากิจการ ทั้งหมดของ บริษัทที่เป็นเจ้าของโรงแรม ซึ่งมูลค่าจะออก มาต่างกันโดยสิ้นเชิง

ส่วนใหญ่เราจะมองโรงแรมเป็นลักษณะของอาคารทาวเวอร์ ในเมือง ในขณะที่รีสอร์ทจะเป็นอาคารวิลล่าหรือบ้านพักที่อยู่ตามแหล่งท่องเที่ยวออกไปนอกเมือง รีสอร์ทจึงมีเนื้อที่ดินมากกว่าโรงแรม โรงแรมจัดเป็นทรัพย์สินประเภทก่อให้เกิดรายได้ จึงพิจารณาความสามารถในการสร้างรายได้ของโรงแรมนั้นได้แก่ อัตราว่าง อัตราค่าเช่าห้องพัก ราคาตั้งขายและราคาที่ขายได้จริง ช่องทางของรายรับของโรงแรมโดยหลักใหญ่ก็จะมาจากรายรับจ่ายค่าเช่าห้องรับรองลงมาก็จะเป็นรายได้จากการขายอาหารการจัดเลี้ยงจัดสัมมนา และรายได้อื่นๆที่เกี่ยวข้องกับตัวทรัพย์สิน ซึ่งจะต้องสกัดรายได้อื่นๆที่เป็นรายได้ของกิจการออกไป ซึ่งต้องทำความเข้าใจและทำความตกลงกับผู้ว่าจ้างให้ชัดเจนว่าเป็นการประเมินราคาทรัพย์สินหรือเป็นการประเมินราคากิจการมิฉะนั้นจะทำให้เกิดความสับสนกันได้

วิธีสอบทาน นิยมใช้ วิธีคำนวณต้นทุน สิ่งที่ต้องพิจารณาคือในส่วนของอุปกรณ์ที่ใช้ในการดำเนินกิจการโรงแรมเป็นฐานเดียวกันกับวิธีคำนวณรายได้หรือไม่ เนื่องจากการประเมินวิธีรายได้ถือว่าได้รวมไปถึงอุปกรณ์ส่วนตกแต่งในความเป็นโรงแรมครบถ้วนแล้ว ถ้าวิธีคำนวณต้นทุนพิจารณาแต่เพียงว่าราคาที่ดินบวกกับราคาสิ่งปลูกสร้างก็จะมีพื้นฐานของราคาที่แตกต่างกันอย่างมีนัยยะสำคัญ

อย่างไรก็ตามวิธีเปรียบเทียบตลาดก็มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อน ซึ่งอาจจะมีความน่าเชื่อถือได้กว่า 2 วิธีที่กล่าวมาก็เป็นได้ถ้าหากมีข้อมูลซื้อขายของโรงแรมในระดับเดียวกันมาเปรียบเทียบกันต่อห้องหรือเปอร์คีย์ ที่เพียงพอ

สิ่งที่ควรพิจารณาเพิ่มเติมในกรณีที่โรงแรมที่มีการจ้างบริหารโดยเชนโรงแรมที่มีชื่อเสียง การประเมินราคาจะต้องทำความเข้าใจการจ้างให้ตรงกัน กรณีที่ผู้ว่าจ้างต้องการให้พิจารณาผลการดำเนินการภายใต้การบริหารกิจการของเชนโรงแรมนั้นซึ่งอาจจะเป็นการประเมินราคาภายใต้สมมติฐานเพิ่มเติมของลูกค้าที่รับรองว่าเชนโรงแรมนั้นจะบริหารโดยการได้รับการต่อสัญญาอย่างต่อเนื่อง